ปั้นผู้บริหารท้องถิ่นสู่นักพัฒนาเมืองมืออาชีพ

บพท. หนุนภาคีขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ (Active Learning)ปั้นผู้บริหารท้องถิ่นสู่นักพัฒนาเมืองมืออาชีพ

“หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท) ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นร่วม และสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เปิดตัวหลักสูตร “นักพัฒนาเมืองระดับสูง” รุ่น ๑

เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ (Active Learning) ให้กับนายกเทศมนตรีทั่วประเทศกว่า ๓๐๐ คน หวังปั้นผู้บริหารท้องถิ่นสู่นักพัฒนาเมืองมืออาชีพ ด้วยองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พร้อมยกระดับเทศบาลสู่กลไกการเติบโตใหม่ให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืน”
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ผนึกกำลังเปิดตัว “หลักสูตรประกาศนียบัตรนักพัฒนาเมืองระดับสูง (พมส.)” รุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารท้องถิ่นพร้อมภาคีพัฒนาพื้นที่จากทั่วประเทศกว่า ๓๐๐ คนเข้าร่วม โดยมี ศาสตราจารย์ นพ. สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) เป็นองค์ปาฐกพิเศษในหัวข้อ “ยกระดับท้องถิ่นไทย ด้วยวิจัย และนวัตกรรม” รวมถึงได้รับเกียรติจาก ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วย บพท. ร่วมแถลงเจตนารมณ์ของการเปิดหลักสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ บพท. กับการพัฒนาท้องถิ่นและกลไกฐานรากของประเทศไทย รวมถึงได้ระบุถึงความสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่กำลังจะกลายเป็น “กลไกการเติบโตใหม่” ให้กับประเทศไทยผ่านการขับเคลื่อนด้วยหลักสูตร พมส. ในงานนี้ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ ได้ตอกย้ำให้เห็นอีกว่า “เราสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดต่าง ๆ
เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส เปลี่ยนปัญหาอุปสรรคเป็นความท้าทายที่เราสามารถชนะได้ด้วยวิจัย
และนวัตกรรม”
การจัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรนักพัฒนาเมืองระดับสูง (พมส.) ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการการยกระดับการพัฒนาท้องถิ่นด้วยกลไกความรู้และความร่วมมือระดับประเทศ (Enriching Local Development with a Knowledge Enhancement and the National Collaboration) ผ่านการปฎิบัติการบนฐานของการวิจัย ๔ ฐาน คือ ๑) การเปลี่ยนองค์กรด้วยดิจิทัล (Digital Transformation) ๒) การพัฒนาตัวแบบเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ๓) การพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (Historical and Cultural Economy) และ ๔) การพัฒนารายได้ และกลไกการเงินสำหรับพัฒนาท้องถิ่น (Financial Mechanism & Special Purpose Vehicle)
การพัฒนาผู้บริหารท้องถิ่นด้วยหลักสูตรนี้ รศ.ดร. ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า หลักสูตรนักพัฒนาเมืองระดับสูง (พมส.) (City Development Executive Program : CDE) ถูกออกแบบมาเพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและยกระดับสมรรถนะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทยให้มีขีดความสามารถทางการคลัง การจัดการ และการพัฒนานวัตกรรมร่วมสมัยที่เกิดขึ้นมาจากปฏิบัติการบนฐานงานวิจัยและกลไกความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน “เชิญชวนนายกเทศมนตรีมาทำงานวิจัยกัน” ของคนในพื้นที่เป็นหลัก โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และมูลนิธิส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะได้เข้าร่วมการพัฒนาทักษะ ปรับสมรรถนะ เรียนรู้องค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเมืองรูปแบบต่าง ๆ ตามรายละเอียดของหลักสูตร พร้อมกับมีโอกาสได้รับทุนสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนปฏิบัติการการพัฒนาเมืองบนฐานงานวิจัยในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วย
ในการขับเคลื่อนหลักสูตร พมส. นี้ รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนและทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หน่วย บพท. ระบุว่า “การขับเคลื่อนกระบวนเรียนรู้ (Active Learning) ผ่านการลงมือปฎิบัติการเพื่อพัฒนาเมืองและพื้นที่บนฐานของงานวิจัยที่ใช้ข้อมูลความรู้ และเทคโนโลยี พร้อม ๆ กับการพัฒนาแบบเคียงบ่า เคียงไหล่ ร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และประชาสังคม” พมส. จึงถือเป็นแพลตฟอร์มความรู้ และความร่วมมือในระดับประเทศ เพื่อยกระดับการพัมนาท้องถิ่นปรับผู้บริหารสู่นักพัฒนามืออาชีพที่ใช้งานวิจัยเป็นฐานและผสานความร่วมจากทุกภาคส่วน
ดังนั้น หลักสูตรนี้ จึงพิจารณาผู้เข้าร่วมปฎิบัติการเพื่อพัฒนาบนฐานของงานวิจัยรุ่นละประมาณ 70 ทีมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมถึงภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันผนึกกำลังทางความคิดและร่วมลงมือทำ เพื่อทำให้เกิดนวัตกรรมในการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม เพื่อนำไปสุ่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยังยืนต่อไป